ดัชนี S&P 500 แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 2023 ในขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 ไม่เคยแกร่งขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่ปี 2020 เศรษฐกิจของสหรัฐแข็งแรงเหมือนกระทิง อัตราเงินเฟ้อลดลง และธนาคารหลักๆ เช่น JP Morgan และ Goldman Sachs กำลังปรับเพิ่มการคาดการณ์สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดได้แรงสนับสนุนจากทำเนียบขาวและเชื่ออย่างจริงใจว่าเหตุการณ์แย่ๆ อยู่ข้างหลังแล้ว อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าความฮึกเหิมมักลงเอยไม่ดี

ผลการดำเนินงานรายไตรมาสของดัชนี S&P 500

ในขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์เพิ่มการลงทุนในหุ้นสหรัฐมานานถึงแปดสัปดาห์ติดต่อกัน แต่ Bank of America กำลังเตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของฟองสบู่เก็งกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกังวลว่านักลงทุนคลั่งไคล้ในการลงทุนในหุ้นท่ามกลางความคาดหวังว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ความเป็นไปได้ของการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed สามครั้งในปี 2025 ได้เพิ่มขึ้นจาก 29% เป็น 49% ในเดือนที่ผ่านมา

แม้ครึ่งแรกของปีจะเป็นช่วงเวลาดีสำหรับดัชนี S&P 500 แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าช่วงที่เหลือของปีจะเป็นเช่นเดียวกัน จนถึงตอนนี้ ภาษียังไม่ปรากฏในอัตราเงินเฟ้อหรือการใช้จ่ายของบริษัท ตามที่ Goldman Sachs กล่าว ส่วนใหญ่บริษัทในสหรัฐฯ จะส่งผ่านภาษีที่เรียกเก็บจากการนำเข้าสู่ผู้บริโภค แต่ก็จะทำให้กำไรสุทธิลดลง นักวิเคราะห์จาก FactSet คาดว่ากำไรจะเติบโต 9.4% ในปี 2024 อย่างไรก็ตาม ในมกราคมที่ผ่านมา การคาดการณ์อยู่ที่ 14.3%

JP Morgan เชื่อว่าปัจจัยลบเช่นการเสื่อมสภาพอย่างมากในตลาดแรงงานสหรัฐจะส่งผลกระทบมากกว่าผลบวกของการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ต่อดัชนี S&P 500 ตามประวัติศาสตร์การผ่อนคลายทางการเงินในช่วงภาวะถดถอยและอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ มักจะนำไปสู่การลดลงของดัชนีหุ้นโดยรวมมากกว่าเพิ่มขึ้น

แนวโน้มดัชนี S&P 500 เทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

ความตื่นเต้นในตลาดปัจจุบันก็ถูกผลักดันโดยความเชื่อของนักลงทุนว่าจุดสูงสุดของการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ภัยคุกคามจากภาษีกำลังถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธวิธีการเจรจาของ Donald Trump ประธานาธิบดีคาดว่าจะได้ข้อยินยอมจากคู่ค้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ระบุว่าภาษีศุลกากร 10% ทั่วไปจะยังคงมีผลบังคับใช้เฉพาะกับประเทศที่มีการเจรจาอย่างจริงใจ สำหรับประเทศอื่น ๆ อัตราภาษีนำเข้าจะเพิ่มขึ้น

ตามความคิดเห็นของฉัน ไม่มีสินทรัพย์ใดที่สามารถขึ้นราคาได้ไม่หยุดยั้ง ความเสี่ยงที่ดัชนี S&P 500 จะเกิดการปรับฐานเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน คำถามคือ: อะไรจะเป็นตัวกระตุ้นให้ดัชนีหุ้นที่กว้างนี้ปรับตัวลง? การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ? หรือการสิ้นสุดการเลื่อนภาษี 90 วันของทำเนียบขาว?

ในเชิงเทคนิค จากแผนภูมิรายวันของ S&P 500 ได้มีการทดสอบแนวต้านที่ระดับ 6,200 หากกลุ่มวัว (ขาขึ้น) สามารถรักษาระดับที่สูงกว่าแนวต้านนี้ได้ นักเทรดอาจพยายามเพิ่มตำแหน่งซื้อที่เริ่มต้นจากระดับ 6,051 มิฉะนั้น อาจควรล็อกกำไร ปรับเปลี่ยนตำแหน่ง และเปลี่ยนเป็นฝั่งขาย